![]() |
ไข้หวัดธรรมดา ต่างจาก ไวรัสโควิค 19 อย่างไร |
เพื่อรักษาสุขภาพของตัวเองและคนรอบข้าง เราอยากให้คุณจำลักษณะอาการของโรค และวิธีป้องกันโรคเบื้องต้น รวมถึงวิธีป้องกันการติดเชื้อมาฝากทุกท่าน
อาการเจ็บป่วยจากไว้รัสโควิค 19 จะมีความใกล้เคียงกับ ไข้หวัดธรรมดา มาก คือมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ จึงทำให้หลายคนมีความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก แม้ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงก็ตาม
อาการของไข้หวัดธรรมดา จะมีอาการไข้ต่ำๆ น้ำมูกไหล ไอ จาม และเจ็บคอ
อาการของไวรัสโควิค 19 หรือไวรัสโคโรน่า
- มีไข้ น้ำมูกไหล เจ็บคอ ไอ
- มีเสมหะ และอาจมีเลือดติด
- หายใจเหนื่อยหอบ หายใจลำบาก
- ปวดเมื่อยตามตัว
- อาจมีคลื่นไส้ ท้องเสียในบางราย
อันตรายของเชื้อไวรัสโควิค 19
แม้ว่าอาการโดยทั่วไปจะดูเหมือนไข้หวัดธรรมดา แต่ที่กลัวกันทั่วโลกเป็นเพราะว่าเป็นเชื้อไวรัสสายพันธ์ุใหม่ที่ยังไม่มียาปฏิชีวนะตัวไหนที่สามารถรักษาให้หายได้โดยตรง เป็นเพียงการรักษาแบบประคับประคองไปตามอาการเท่านั้น นอกจากนี้ ยังอันตรายถึงชีวิตได้ หากระบบภูมิคุ้มก้นร่างกายของเราไม่แข็งแรง หรือเชื้อไวรัสเข้าไปทำลายการทำงานของปอดได้ จนทำให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายลุกลามมากขึ้น และรวดเร็วขึ้น
กลุ่มที่เสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิค 19 ได้ง่ายได้แก่กลุ่ม
- เด็กเล็ก
- วัยกลางคนจนถึงกลุ่มผู้สูงอายุ
- คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน โรคปอดเรื้อรัง
- คนที่กินยากดภูมิต้านทานโรคอยู่แล้ว
- ผู้ที่เดินทางไปในประเทศกลุ่มเสี่ยง เช่น จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม อิตาลี อิหร่าน เป็นต้น
- ผู้ที่ทำงาน หรือรักษาผู้ป่วย อย่างใกล้ชิด เช่น บุคคลากรทางการแพทย์ เป็นต้น
- ผู้ที่ทำอาชีพที่ต้องพบปะชาวต่างชาติจำนวนมาก เช่น ลูกเรือสายการบินต่างๆ คนขับแท๊กซี่ เป็นต้น
หากสงสัยว่าตัวเองอาจติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือไวรัสโควิด-19 ควรทำอย่างไร ?
หากตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น มีอาการของโรค หรือเพิ่งกลับจากประเทศที่เสี่ยงติดเชื้อมา สามารถขอตรวจโรคกับทางโรงพยาบาลได้ มีทั้งแบบฟรี และแบบมีค่าใช้จ่าย
**หากไม่มีอาการใด ๆ เลย ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจ
ตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ฟรี หากผู้เข้าตรวจตรงตามเกณฑ์เหล่านี้
- เพิ่งกลับจากการเดินทางไปในประเทศกลุ่มเสี่ยง
- มีอาการผิดปกติที่ระบบทางเดินหายใจ
- มีไข้มากกว่า 37.5 องศาเซลเซียส
- มีอาการไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หอบเหนื่อย ปอดอักเสบอย่างไม่ทราบสาเหตุ
- มีประวัติใกล้ชิด หรือสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ เช่น คนในครอบครัวเพิ่งกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง
- ทำอาชีพที่ต้องพบปะชาวต่างชาติจำนวนมาก เช่น คนขับแท็กซี่ เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยติดเชื้อ ลูกเรือสายการบิน เป็นต้น
สามารถเข้ารับการตรวจฟรีได้ที่โรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข
- โรงพยาบาลรามาธิบดี
- โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
- โรงพยาบาลราชวิถี
- โรงพยาบาลศิริราช
และสามารถเช็กโรงพยาบาลอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ กรมควบคุมโรค โทร 1422
ตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 แบบมีค่าใช้จ่าย
ตัวอย่างค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลต่าง ๆ ในการตรวจร่างกาย และตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19
- โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ราคา 3,000-6,000 บาท
- โรงพยาบาลราชวิถี ราคา 3,000-6,000 บาท
- โรงพยาบาลเปาโล (ทุกสาขา) ราคา 5,000-13,000 บาท
- โรงพยาบาลรามาธิบดี ราคา 5,000 บาท
- โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล ราคา 5,000 บาท
- โรงพยาบาลพญาไท 2 ราคา 6,500 บาท
- โรงพยาบาลแพทย์ รังสิต ราคา 7,000 บาท
- โรงพยาบาลศิริราชฯ ราคา 9,900 บาท
หมายเหตุ : ค่าใช้จ่ายอาจเปลี่ยนแปลงตามระดับความเสี่ยงของการติดเชื้อ
วิธีป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19
- หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล เหนื่อยหอบ เจ็บคอ
- หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง
- สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ
- ระมัดระวังการสัมผัสพื้นผิวที่ไม่สะอาด และอาจมีเชื้อโรคเกาะอยู่ รวมถึงสิ่งที่มีคนจับบ่อยครั้ง เช่น ที่จับบน BTS, MRT, Airport Link ที่เปิด-ปิดประตูในรถ กลอนประตูต่าง ๆ ก๊อกน้ำ ราวบันได ฯลฯ เมื่อจับแล้วอย่าเอามือสัมผัสหน้า และข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ กระเป๋า ฯลฯ
- ล้างมือให้สม่ำเสมอด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลอย่างน้อย 20 วินาที ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ไม่ต่ำกว่า 70% (ไม่ผสมน้ำ)
- งดจับตา จมูก ปากขณะที่ไม่ได้ล้างมือ
- หลีกเลี่ยงการใกล้ชิด สัมผัสสัตว์ต่าง ๆ โดยที่ไม่มีการป้องกัน
- รับประทานอาหารสุก สะอาด ใช้ช้อนกลาง ไม่ทานอาหารที่ทำจากสัตว์หายาก
- สำหรับบุคลากรทางการแพทย์หรือผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือไวรัสโควิด-19 โดยตรง ควรใส่หน้ากากอนามัย หรือใส่แว่นตานิรภัย เพื่อป้องกันเชื้อในละอองฝอยจากเสมหะหรือสารคัดหลั่งเข้าตา