30/8/61

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ที่เกิดขึ้นในเด็ก

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ที่เกิดขึ้นในเด็ก
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ที่เกิดขึ้นในเด็ก
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ที่เกิดขึ้นในเด็กเป็นปัญหาสุขภาพที่อาจสังเกตุได้ยาก เพราะผู้ใหญ่กับเด็กอาจสื่อสารหรือบอกอาการได้ไม่ถูกต้องตรงกัน ดังนั้น เราจึงควรเรียนรู้อาการ ความเสี่ยง การรักษา และการป้องกัน เพื่อเตรียมรับมือได้อย่างถูกต้อง


สาเหตุของการเกิดอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบในเด็ก

มักมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่พบในระบบลำไส้ โดยปกติแล้วกระเพาะปัสสาวะจะมีกลไกในการกำจัดเชื้อแบคทีเรียออกมาทางปัสสาวะเอง แต่ในบางครั้งร่างกายเด็กก็ไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรียได้ดีเท่าที่ควร จึงทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบขึ้น นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากนิสัยการเข้าห้องน้ำของเด็กที่ใช้กระดาษชำระเช็ดผิดวิธี คือ เช็ดขึ้นจากทวารหนักมาที่อวัยวะเพศ หรือในเด็กทารกที่ยังใช้ผ้าอ้อม และอุจจาระซึมเปื้อนบริเวณอวัยวะเพศ ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคบริเวณทวารหนักโดยเข้าไปในท่อปัสสาวะและเกิดการติดเชื้อขึ้น
ปัจจัยเสี่ยง ในการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบในเด็ก

ส่วนใหญ่มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากท่อปัสสาวะของผู้หญิงอยู่ใกล้ทวารหนักมากกว่า จึงเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ง่าย สำหรับในเด็กบางรายที่มีอาการเสี่ยงในการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เนื่องมาจากปัญหาดังต่อไปนี้

  • อาการท้องผูกในเด็กที่อาจส่งผลต่อลำไส้ใหญ่ ทำให้ลำไส้ใหญ่เกิดการบวมจนไปกดทับกระเพาะปัสสาวะ จึงไม่สามารถปัสสาวะได้ตามปกติ
  • ภาวะปัสสาวะไหลย้อนกลับ เป็นความผิดปกติแต่กำเนิดที่ทำให้ปัสสาวะไหลย้อนกลับไปที่ท่อไตจนเกิดการติดเชื้อขึ้นบ่อยครั้ง
  • ภาวะความผิดปกติในการขับถ่ายทำให้เด็กกลั้นปัสสาวะบ่อยๆ

นอกจากนี้ การใช้ห้องน้ำที่ไม่สะอาด มีสุขอนามัยไม่ดี หรือหากคนในครอบครัวมีประวัติป่วยด้วยภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เด็กอาจเสี่ยงเกิดภาวะนี้ได้เช่นกัน


อาการของกระเพาะปัสสาวะอักเสบในเด็ก

ทารกและเด็กเล็ก ส่วนใหญ่จะมีเพียงอาการไข้ที่ไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ผู้ปกครองไม่ทราบว่าเด็กเกิดการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ แต่ในบางรายอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น

  • ร้องไห้ในขณะปัสสาวะ 
  • งอแงหรือหงุดหงิดผิดปกติ
  • ไม่ยอมรับประทานอาหาร
  • ปัสสาวะมีกลิ่นผิดปกติ มีสีขุ่น หรือมีเลือดปน
  • มีอาการอาเจียน หรือท้องเสียร่วมด้วย

เด็กโต อาการที่พบได้ คือ

  • รู้สึกเจ็บหรือปวดแสบปวดร้อนขณะปัสสาวะ
  • ปัสสาวะบ่อยหรือมีการกลั้นปัสสาวะ
  • มีพฤติกรรมการเข้าห้องน้ำผิดปกติ เช่น ปัสสาวะราด หรือ ปัสสาวะรดที่นอน เป็นต้น
  • มีอาการปวดท้องหรือปวดหลังส่วนล่าง
  • ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ มีสีขุ่น หรือมีเลือดปน
หากเด็กมีอาการข้างต้น ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจอย่างละเอียด โดยแพทย์จะสอบถามอาการและตรวจร่างกายเบื้องต้น พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างปัสสาวะด้วย

วิธีการรักษาในเด็ก

แพทย์จะรักษาด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะเป็นหลัก โดยให้รับประทานยาติดต่อกันอย่างน้อย 3-10 วัน ในกรณีที่เป็นเด็กโต ซึ่งระยะเวลาในการใช้ยานั้นขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ ส่วนเด็กเล็กที่กินหรือดื่มนมไม่ได้ และมีอาการเซื่องซึม แพทย์จะแนะนำให้เด็กเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยให้ยาปฏิชีวนะผ่านทางหลอดเลือดดำ เนื่องจากเด็กยังไม่สามารถรับประทานยาเองได้ นอกจากนี้ แพทย์อาจสั่งจ่ายยาพาราเซตามอลสำหรับลดไข้และบรรเทาอาการเจ็บปวดจากกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ระหว่างนี้ผู้ป่วยควรดื่มน้ำให้มากเพื่อช่วยขับแบคทีเรียออกจากท่อปัสสาวะและทำให้หายเร็วขึ้น

ภาวะแทรกซ้อนจากกระเพาะปัสสาวะอักเสบในเด็ก

ในรายที่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีสามารถหายได้โดยไม่มีอาการแทรกซ้อนตามมาภายหลัง แต่อย่างไรก็ตาม ในบางรายอาจส่งผลทำให้ไตเกิดความเสียหายหรือมีความดันโลหิดสูงได้ ดังนั้น แพทย์จึงอาจแนะนำให้เด็กเข้ารับการตรวจเป็นระยะตามความเหมาะสม โดยตรวจอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในเรื่องของความดันโลหิตและตรวจปัสสาวะ จนกว่าจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น
ทั้งนี้ หากเด็กมีปัญหากระเพาะปัสสาวะอักเสบติดต่อกันบ่อยครั้ง ผู้ปกครองควรพาไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจโดยละเอียด เนื่องจากอาการดังกล่าวอาจเกิดขึ้นจากความผิดปกติที่เกี่ยวกับไต ท่อไตหรือโครงสร้างของระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งหากตรวจพบเร็วก็จะช่วยให้รักษาได้อย่างทันท่วงที

การป้องกันกระเพาะปัสสาวะอักเสบในเด็ก

หากเป็นทารกและเด็กเล็ก ผู้ปกครองควรเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เด็กบ่อยๆ เพื่อป้องกันการหมักหมมและการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุ หากเด็กอยู่ในวัยเริ่มเข้าห้องน้ำเองได้ ควรสอนเรื่องการรักษาสุขอนามัย เช่น สอนให้เช็ดทำความสะอาดจากอวัยวะเพศไปทางทวารหนัก สอนให้ล้างมือทุกครั้งทำธุระในห้องน้ำทุกครั้ง เป็นต้น ส่วนเด็กในวัยเรียนควรหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่มีฤทธิ์รุนแรง เพราะอาจทำให้เกิดการระคายต่อผิว และควรให้เด็กสวมใส่กางเกงชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้าย เพื่อช่วยระบายอากาศได้ดียิ่งขึ้นและลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย