13/1/59

อาหารที่เหมาะกับทารกแรกเกิด - 1 ปี

อาหารที่เหมาะกับทารกแรกเกิด - 1 ปี
อาหารที่เหมาะกับทารกแรกเกิด - 1 ปี
ช่วงนี้ตามกระแสดารานิดนึงค่ะ เพราะมีดาราหรือคนดังหลายท่านที่เข้าสู่ประตูวิวาห์ และบางคู่ก็ให้กำเนิดทารกน้อยน่ารัก เป็นที่ชื่นอกชื่นใจของพ่อแม่ทุกคน แต่ไม่ว่าทารกนั้น จะเกิดมาเป็นลูกใครก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องทำก็คือ การหาความรู้ในการเป็นพ่อแม่มือใหม่ ดังนั้น วันนี้เราจะนำเสนอในเรื่องของอาหาร

อาหารที่เหมาะกับทารกวัยแรกเกิด - 1 ปี



  • วัยแรกเกิด -6 เดือน อาหารที่เหมาะสมที่สุดและดีที่สุดมีเพียง "นมแม่"เท่านั้น ไม่มีหลักตายตัว เพียงแค่ "กินอิ่มหลับสบาย" สำหรับลูกก็พอ แต่คุณแม่สามารถกะเวลาในการให้นมลูก คร้้งละประมาณ 20-30 นาที เพื่อเป็นการฝึกวินัยของลูกไปในตัว และ ให้นมอย่างน้อย 8 ครั้งต่อวัน

  • วัย 6 - 7 เดือน นมแม่ยังเป็นอาหารที่จำเป็นอยู่ แต่สามารถเริ่มให้อาหารเสริมกับลูกได้ โดยเป็นอาหารบดละเอียดวันละ 1 มื้อก็เพียงพอ เพราะระบบย่อยของเด็กวัยนี้เริ่มแข็งแรงขึ้น สามารถย่อยเนื้อสัตว์สุกบดละเอียดได้ เพื่อแทนมื้อนมในช่วงมื้อเช้าหรือมื้อกลางวัน เริ่มทานผลไม่ได้ เพื่อรับวิตามินซีบำรุงเหงือกและฟัน เพราะเป็นวัยที่ฟันเริ่มขึ้นมาให้เห็นบ้างแล้ว ผลไม้ควรเป็นมะละกอสุกหั่นชิ้นเล็กๆแล้วยีให้ละเอียด เป็นต้น ควรเริ่มที่ปริมาณน้อยๆก่อน 

  • วัย 8-9 เดือน วัยนี้สามารถทานอาหารเสริมแทนนมแม่เป็น 2 มื้อได้ แต่ควรเพิ่มประเภทผักบดเพิ่ม และเพิ่มผลไม้เป็นอาหารว่างได้ แต่อย่าลืมบดละเอียดให้ลูกด้วยนะคะ

  • วัย 10 - 12 เดือน วัยนี้ควรเริ่มฝึกให้ลูกได้รับประทานอาหารเอง อย่ากลัวที่จะเลอะ อาหารเสริมในวัยนี้ เริ่มที่จะหยาบขึ้น เพราะเริ่มมีฟันสำหรับบดเคี้ยวได้มากชึ้น เช่น ข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ โดยต้องตัดเป็นชิ้นเล็กๆ อาหารว่างนอกจากผลไม้แล้ว อาจเป็นขนมปังจำพวกเวเฟอร์ก็ได้

หลักการให้อาหารเสริมแก่ลูก

  1. เริ่มจากที่ละน้อย เช่น ครั้งแรกให้ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วค่อยๆเพิ่มปริมาณขึ้นเป็น 2-3 ช้อนโต๊ะ ขึ้นอยู่กับชนิดของอาหาร
  2. เวลาที่จะเริ่มอาหารเสริมชนิดใหม่ ควรเว้นระยะ 1-2 สัปดาห์ แล้วค่อยเริ่มอาหารชนิดใหม่ เพื่อดูว่าลูกมีกาารแพ้อาหารหรือไม่ และชนิดใดบ้าง
  3. หากลูกไม่ชอบอาหารชนิดใด ควรงดสัก 1 สัปดาห์ แล้วค่อยให้ลูกลองใหม่ ทดลองไปเรื่อยๆจนกว่าลูกจะยอมรับอาหารชนิดนั้น
  4. ไม่ควรให้ลูกดื่มน้ำหวานหรือของหวาน เพราะจะทำให้เด็กติดรสหวานและไม่ยอมทานอาหารชนิดอื่น

ขอบคุณข้อมูลจาก theasianparent.com / คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล