23/9/55

จะเกิดอะไรขึ้น...ถ้าคุณเป็นโรคกระดูกพรุน

เรามาทำความรู้จักกันก่อนว่า "โรคกระพรุน" นั้นคืออะไร 
คือความหนาแน่นของกระดูกได้ลดน้อยลง จนทำให้กระดูกเปราะบาง มีโอกาสแตกหักง่าย โดยเฉพาะบริเวณ ข้อมือ,สะโพก และสันหลัง และเกิดขึ้นได้ทั้ง "ผู้หญิง"และ "ผู้ชาย" ต่างก็ประสบปัญหากับ"โรคกระพรุน"ได้ทั้งนั้น
โดยปกติเนื้อกระดูกจะงอกขึ้นเรื่อยๆจนอายุประมาณ 30-40 ปี หลังจากนั้นเนื้อกระดูกจะบางลงเรื่อยๆตามธรรมชาติ แต่ที่จะเป็นปัญหามากที่สุดคือ ภาวะกระดูกพรุนจากการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนในสตรีวัยหมดประจำเดือน ทำให้กระดูกบางลงได้อย่างรวดเร็ว
ช่วงที่กระดูกมีความหนาแน่นสูงที่สุด คือ ช่วงที่เป็นผู้ใหญ่อยู่ในวัยที่กำลังเติบโต แคลแซียมที่ได้รับจะนำมาสร้างให้กระดูกมีความหนาแน่นของกระดูกได้สูง ยืดอายุการใช้งานของกระดูกให้เสือมช้าลงในวัยชรา ช่วงที่มีการสร้างความหนาแน่นของกระดูกอย่างรวดเร็ว คือ ช่วงอายุระหว่าง 9-20 ปี หลังจากนั้นความหนาแน่นของกระดูกจะเริ่มคงที่จนอายุประมาณ 40 ปี ซึ่งก็คือช่วงใกล้หมดประจำเดือน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับแคลเซี่ยมมากขึ้นเป็น 2 เท่า ร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้กระดูกแข็งแรงและมีสุขภาพดี อย่างไรก็ตาม การบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมอย่างเดียวไม่สามารถเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูกได้ เพียงแค่ช่วยให้การบางตัวของกระดููกช้าลงจากปกติเท่่านั้น
สาเหตุของการเกิดโรคกระดูกพรุน

  1. แคลเซี่ยม การที่ไม่ได้รับธาตุแคลเซี่ยมที่เพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงวัยเด็กและวัยหนุ่มสาว ควรสร้างความหนาแน่นของกระดูกไว้ให้ได้มากที่สุด
  2. กรรมพันธุ์ หากบุคคลในครอบครัวมีอาการของโรคนี้อยู่ โอกาสที่ท่านจะมีอาการของโรคนี้สูงถึง 80%  อีก 20% ขึ้นอยู่กับลักษณะในการรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย
  3. สาเหตุทางกายภาพ ได้แก่ การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา จะลดประสิทธิภาพของการดูดซึมแคลเซี่ยม
  4. ยา ยารักษาโรคบางชนิดจะลดความหนาแน่นของกระดูก เช่น คอร์ติโซน สำหรับไขข้ออักเสบ โรคหือ ยาเฮพาริน สำหรับโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง การฉายรังสีรักษาหรือการให้เคมีบำบัดซึ่งมีการทำลายเซลล์กระดูก เป็นต้น
  5. คาเฟอีน การดื่มกาแฟมากๆ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น โค้ก ชา เป็นต้น
  6. ฮอร์โมน การลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนในหญิงวัยหมดประจำเดือน ทำให้การดูดซึมแคลเซี่ยมลดลง
  7. อาหารแคลเซี่ยมต่ำ โดยเฉพาะในวัยชราที่ต้องการแคลเซี่ยมมมากกว่าปกติ
  8. การขาดการออกกำลังกาย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ไม่ได้เคลื่อนไหว
  9. การขาดวิตามิน ดี ซึ่่งมีความจำเป็นในการดูดซึมแคลเซี่ยม
  10. อาหาร บางอย่างที่มีกากใยหรือมีกรดโอซาลิคมาก เช่น ผักโขม หรือมีกรดฟีติค เช่น รำข้าว จะไปขัดขวางการดูดซึมของแคลเซี่ยม
  11. โรคบางชนิด เช่น โรคปอด ตับอ่อน และลำไส้ จะลดการดูดซึมแคลเซี่ยม
วิธีป้องกันและวิธีรักษาโรคกระดูกพรุน
การรักษานั้นสู้การป้องกันไม่ได้ การรับประทานอาหารที่มีแคลเซี่ยมให้เพียงพอกับความต้องการของแต่ละวัยจะสามารถป้องกันหรือชลอการเกิดโรคกระดูกพรุนได้
อาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซี่ยม ได้แก่ นมสดและน้ัำตาลแลคโตสในนม จะช่วยส่งเสริมการดูดซึมให้มากขึ้น นมผง, นมผงขาดมันเนย ,โยเกิร์ต, เนยแข็ง(ชีส), น้ำปลา ,ปลาตัวเล็ก(กินทั้งตัว), ถั่ว, ไข่, ฝรั่ง, กล้วย  ส่วนผักที่มีแคลเซี่ยมสูงได้แก่ คะน้า ,กวางตุ้ง ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ และการสูบบุหรี่
โรคกระดูกพรุนเป็นโรคที่ไม่แสดงอาการ จนกระทั่งผู้ป่วยมีอาการกระดูกหักจากอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย เช่น ลื่นล้ม หรือปวดหลังอย่างรุนแรงจากการยุบตัวของกระดูกสันหลัง ทำให้ส่วนสูงของร่างกายลดลงและหลังโกง