 |
| ไขมันพอกตับ กว่าจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว |
โดยส่วนใหญ่ มักเกิดกับผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ทานอาหารประเภทแป้ง น้ำตาลและไขมัน(เลว)เป็นประจำ เช่น น้ำอัดลม ของทอด ของมัน เป็นต้น ขากการออกกำลังกายเป็นประจำ ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ และยังรวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
อาการของภาวะไขมันพอกตับ
เนื่องจากโรคนี้เป็นภัยเงียบ ดังนั้นผู้ป่วยหรือคนรอบข้างมักไม่รู้ว่าตับมีความผิดปกติ เพราะในระยะแรกจะไม่มีอาการใดๆให้เห็น จนกว่าจะถึงระยะที่ตับเริ่มอักเสบ จะเริ่มมีอาการอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว มีไข้ต่ำๆ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน อาจมีอาการปวดท้องบริเวณตับ (ใต้ชายโครงขวา) หากตับอักเสบมากขึ้นอาจมีอาการของโรคดีซ่านร่วมด้วย คือ อาการตัวเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระสีซีด เป็นต้นแพทย์มักแนะนำให้ลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย ลดอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล ไขมัน(เลว) อาหารทอด ปิ้งย่าง เป็นต้น
อาหารลดไขมันพอกตับ ที่ยิ่งทานยิ่งดีต่อสุขภาพ
- ปลาทะเลน้ำลึก เช่น แซลมอน แต่ถ้าหาทานไม่ได้ ก็มีปลาไทยๆง่ายๆ เช่น ปลาสวาย ปลาทู ได้ แต่ควรทานคู่กับผัก เพราะปลาเหล่านี้หากทานมากไปจะได้รับไขมันอิ่มตัวสูงไปด้วย และควรทานปลาด้วยวิธีการต้มหรือนึ่งหรืออบ แทนการทอดด้วยน้ำมัน
- ถั่วชนิดต่างๆ เช่น อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เฮเซลนัท แมคคาเดเมีย พิสตาชิโอ หากทานถั่วเหล่านี้วันละ 30 กรัมหรือประมาณ 1 กำมือ ทานคู่กับอาหารที่มีประโยชน์อื่นๆ จะช่วยลดน้ำหนักได้มากกว่า 2 เท่าของคนที่ไม่ทานถั่วเลย
- น้ำมันพืชชนิดต่างๆ เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันเมล๋็ดฟักทอง น้ำมันคาโนล่า น้ำมันรำข้าว แต่ก็ไม่ควรทานเยอะ เพราะน้ำมันให้พลังงานสูง หากทานมากก็มีสิทธิ์อ้วนได้เช่นกัน
- ผัก ผลไม้ และธัญพืชที่มีใยอาหารสูง เช่น ข้าวกล้อง บล็อคโคลี่ คะน้า ผักกาด ตำลึง ผักบุ้ง อโวคาโด แอปเปิ้ล ฝรั่ง แตงโม ส้ม เป็นต้น และหากอยากทานขนมปัง ก็ให้ทานแบบโฮลวีทที่มีธัญพืชผสมอยู่ด้วย
แต่การทานอาหารสำคัญให้ครบทั้ง 3 มื้อและครบ 5 หมู่อาหาร โดยเน้นผักผลไม้มากกว่า คาร์โบไฮเดคน แล้วออกกำลังกายอย่างน้อย 45 นาที ต่อ 3-4 วัน ต่อ 1 สัปดาห์ ก็ทำให้คุณห่างไกลจากความเสี่ยงในการเป็นไขมันพอกตับแล้วคะ
