สัญญาณอันตราย ที่กำลังบอกคุณว่า เครียดจากการทำงานเกินไปหรือเปล่า

สัญญาณอันตราย ที่กำลังบอกคุณว่า เครียดจากการทำงานเกินไปหรือเปล่า

สัญญาณอันตราย ที่กำลังบอกคุณว่า เครียดจากการทำงานเกินไปหรือเปล่า เพราะยุคนี้เป็นยุคที่พ่อแม่ที่เป็นพนักงานออฟฟิศ ต้องเกิดภาวะเครียด เนื่องจากต้องเร่งรีบ แก่งแย่งชิงดีกัน และยังต้องมาเลี้ยงลูกอีก

ดังนั้น จึงเกิดการเครียดสะสม และซ้ำร้าย หากคุณกำลังเป็นพ่อแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกเอง นับว่ายิ่งต้องระวังมากขึ้นไปอีก เพราะคุณอาจจะนำความเครียดนั้น มาใส่ในตัวลูกน้อยของคุณ และอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของคุณ กับลูกต้องเป็นไปในทิศทางที่แย่ลง 

วันนี้เราจึงนำอาการหรือสัญญาณอันตรายอย่างน้อย 5 ประการ ที่คุณควรรู้และหลีกเลี่ยง พร้อมทั้งหาวิธีการป้องกันกันดีกว่า

อาการที่ 1: อ่อนเพลีย ท้องผูก

 เชื่อว่า หลายคนคงรู้สึกว่า นอนเท่าไหร่ก็ไม่เคยอิ่ม ตื่นแล้วก็ไม่รู้สึกกระปรี้กระเปร่า นั่นเป็นเพราะคุณเครียด มันก็เลยออกอาการมาอย่างชัดเจน ในบางราย (เชื่อว่าหลายๆคน) ยังมีอาการท้องผูกด้วยซ้ำไป ไม่ค่อยสนใจในการดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว หากเกิดอาการอย่างว่านี้ ลองเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง เช่น เริ่มหาวิธีออกกำลังกายได้แล้ว พักผ่อน และดื่มน้ำเยอะๆ จะได้กลับมาสนใสเพื่อลูกน้อยและคนรอบข้าง

อาการที่ 2: อารมณ์ไม่ดี หงุดหงิด

 อาการนี้คนรอบข้างคุณ จะบอกได้ดีที่สุด เพราะเราอาจจะระเบิดอารมณ์ออกไป โดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้ ดังนั้น เมื่อมีคนรอบข้างเริ่มทักคุณแล้ว ก็เลิกอารมณ์เสียซะ เดี๋ยวยิ่งแก่เร็วนะ

อาการที่ 3: ขี้ลืม

 ใครๆก็เกิดการลืมได้ แต่ถ้าหากลืมชนิดชนิดที่เหมือนว่าจะเป็น โรคอัลไซเมอร์ ละก็ ต้องพยายามตั้งสติ แก้ด้วยการฝึกจิต หรือนั่งสมาธิ บ้าง 

อาการที่ 4: ทำอะไรแบบสุดๆ 

 คงหนีไม่พ้นเรื่องการกิน เพราะบางคนเมื่อเกิดอาการเครียดมักจะทานมากผิดปกติ บางคนอยากกินของหวานตลอดเวลา จนทำให้เกิดโรคอ้วนและโรคอื่นๆตามมา แต่บางคนก็แสดงออกมาในรูปแบบของการซื้อของและช้อปกระจาย อะไรประมาณนั้น 

อาการที่ 5: ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)

 เป็นโรคที่สุดฮิตและติดอันดับต้นๆของชาวออฟฟิศ หรือพนักงานประจำ ที่ต้องทำงานนั่งโต๊ะ บางคนมีการแสดงอาการที่ไม่เหมือนกัน บางคนอาจมีอาการปวดหัว ไมเกรน ปวดหลัง ปวดไหล่ หรือนิ้วล็อกไปเลยก็มี วิธีที่ดีที่สุดคือ เดินยืดเส้นยืดสาย หลับตาเป็นบางครั้งหากเกิดอาการปวดหัว แต่ถ้าหนักหรือเป็นมากจริงๆความปรึกษาแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ จะดีที่สุด