7/8/56

อาการท้องเสีย มีเลือดออก ผลทับทิมช่วยได้!

คุณเคยมีอาการท้องเสียโดยไม่รู้สาเหตุหรือไม่ หลายคนอาจคิดว่าควรทานยาแก้ท้องเสีย เพื่อที่จะได้มีแรงไปทำงานตามปกติได้ แต่รู้หรือไม่ว่านั่นเป็นความคิดที่ผิดเอามากๆเลย
เพราะ ยานั้นจะทำให้ลำไส้ต้องกักเชื้อโรคเอาไว้ให้นานขึ้นไปอีก แต่ควรจะถ่ายให้หมด เพราะจะทำให้ร่างกายทำงานด้วยการปล่อยสารพิษหรือเชื้อโรคออกมา และเมื่อปล่อยหมด การเคลื่อนตัวของลำไส้ก็จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมอีกครั้ง

วิธีดูแลตัวเองเบื้องต้นเมื่อเกิดอาการท้องเสียในช่วง 24-72 ชั่วโมง (1-2วันแรก)

  1. หยุดรับประทานอาหาร 2 ถึง 4 ชั่วโมง เพื่อให้ลำไส้หยุดการทำงาน
  2. ดื่มเกลือแร่ผงผสมกับน้ำต้มสุกหรือใช้เกลื่อป่นผสมกับน้ำต้มสุก เพื่อทดแทนน้ำกับเกลื่อแร่ที่ร่างกายสูญเสียไป
  3. หลังจากนั้นจึงเริ่มรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวใส่เกลือ ข้าวต้ม หรือ โจ๊ก งดอาหารรสจัดและอาหารที่มีกากใยมาก เช่น ผัก ผลไม้
  4. รับประทานโยเกิร์ตที่มีโปรไบโอติก (probiotic yogurt) เชื้อแบคทีเรียมีชีวิตเหล่านี้สามารถช่วยบรรเทาอาการท้องร่วงบางชนิดและทำให้หายเร็วขึ้นได้
  5. ลองรับประทานแบรทไดเอ็ท (BRAT diet) ได้แก่ กล้วย , ข้าว, แอปเปิลหรือน้ำแอปเปิล และขนมปังปิ้งแห้ง อาหารสูตรนี้เหมาะสำหรับเด็ก แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถรับประทานได้เช่นกัน ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องเน้นเฉพาะอาหารเหล่านี้ แต่การรับประทานอาหารเหล่านี้เพิ่ม อาจช่วยให้อาการท้องร่วงหายเร็วขึ้นได้
  6. งดดื่มนม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีน จนกว่าจะหายท้องเสีย
  7. หลีกเลี่ยงยารักษาโรคท้องร่วง ยกเว้นแพทย์สั่ง เนื่องจากท้องร่วงเป็นการขับสิ่งที่ไม่ดีออกไปจากร่างกาย ดังนั้นทางเดียวที่จะดีขึ้นได้คือต้องยอมถ่ายเหลว
  8. รักษาตามอาการ เช่น ให้ยาแก้อาเจียน ยาแก้ปวดท้อง หรือ ยาลดไข้

อาการที่ควรได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน

  • อาเจียนหรือท้องร่วงในเด็กแรกเกิดอายุน้อยกว่า 3 เดือน (พบแพทย์ทันทีที่มีอาการ)
  • เด็กอายุเกิน 3 เดือนที่มีอาการอาเจียนนานกว่า 12 ชั่วโมง
  • ท้องร่วงนานกว่า 3 วัน
  • อุจจาระมีเลือดปน มีสีดำ หรือดูมีน้ำมันปน
  • อาการปวดท้องที่ไม่ดีขึ้นเมื่อได้ถ่ายอุจจาระ
  • อาการขาดน้ำ เช่น เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย หรือตะคริว มีไข้ร่วมกับท้องร่วง โดยไข้สูงกว่า ควรได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนในกรณีดังต่อไปนี้
  • อาเจียนหรือท้องร่วงในเด็กแรกเกิดอายุน้อยกว่า 3 เดือน (พบแพทย์ทันทีที่มีอาการ)
  • เด็กอายุเกิน 3 เดือนที่มีอาการอาเจียนนานกว่า 12 ชั่วโมง
  • ท้องร่วงนานกว่า 3 วัน
  • อุจจาระมีเลือดปน มีสีดำ หรือดูมีน้ำมันปน
  • อาการปวดท้องที่ไม่ดีขึ้นเมื่อได้ถ่ายอุจจาระ
  • อาการขาดน้ำ เช่น เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย หรือตะคริว
  • มีไข้ร่วมกับท้องร่วง โดยไข้สูงกว่า 38.3 *c ในผู้ใหญ่หรือสูงกว่า 38.0*c ในเด็ก
และยังมีอีกวิธีที่อาจช่วยได้ ด้วยผลไม้ไทยๆที่เราเองก็คาดไม่ถึง นั่นคือ ผลทับทิม ( pomegranate ) บางที่เรียก พิลา พิลาขาว มะก่องแก้ว มะเก๊าะ หมากจัง ผลไม้ชนิดนี้ชอบอากาศหนาวเย็น อยู่บนพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล ยิ่งอากาศหนาว เนื้อทับทิมก็ยิ่งจะมีสีแดงแข้ม ส่วนเปลือกนำไปตากแห้ง แล้วบดละเอียด นำไปโรยแก้น้ำกัดเท้าได้ หรือจะนำไปต้มแล้วรอให้น้ำทับทิมอุ่นเสียก่นอแล้วจึงแช่เท้าได้
ต้นทับทิมนั้นเป็นแค่พุ่มไม้่ขนาดเล็ก ถิ่นกำเนิดอยู่ที่อิหร่าน มีรสเปรี้ยวอมหวาน ฤทธิ์ร้อน ช่วยในการกระตุ้นลมปราณาลำไส้ใหญ่ แก้ท้องเสีย ช่วยสมานแผลในลำไส้ได้
วิธีการคือ นำเปลือกทับทิมมาตากแดดให้แห้ง นำมาบดแล้วกินแบบผง หรือจะต้มเป็นน้ำทับทิมดื่มทุกวันก็ได้ จะช่วยทำให้อาการดีขึ้น